top of page
  • KETSIREE TURY

การเลือกโรงเรียนในอเมริกา ตอนที่ 2: ปัจจัยเสริม


บทความนี้มีปัจจัยเสริม 11 ข้อ มาฝาก นอกเหนือจาก 2 ข้อสำคัญ Ratings และ Reviews ที่เคยได้พูดถึง ในบทความ การเลือกโรงเรียนให้ลูกในอเมริกา ค่ะ สามารถนำไปใช้สำหรับประเทศไทยหรือประเทศอื่นๆ ได้ด้วยนะคะ ปัจจัยเหล่านี้ มีความสำคัญไม่เท่ากัน สำหรับแต่ละครอบครัว ถือเป็นไอเดียเสริมสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ หรือ คุณพ่อคุณแม่ที่อยากหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศึกษาให้ลูกนะคะ


มาดูกันค่ะว่าปัจจัยเสริม 11 ข้อ ในการเลือกโรงเรียนในอเมริกาของแม่มีอะไรบ้าง




1. เวลาเดินทาง ข้อนี้สำคัญกับผู้เขียนมาก เนื่องจากโตมาในกรุงเทพ ตื่นตี 5 ครึ่งไปเรียนทุกวัน ตั้งแต่ชั้นอนุบาลยันมัธยมปลาย ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็จะไม่ให้ลูกเจอปัญหาโตในรถโดยเด็ดขาด ดีว่าโดยส่วนใหญ่ในอเมริกา ไม่ค่อยมีปัญหารถติด ยกเว้นจะเป็นเมืองใหญ่จริงๆ อย่าง LA, New York หรือ Atlanta และถ้า เลือกบ้านจากการเลือกโรงเรียน ยังไงเราก็เป็นเด็กบ้านใกล้อยู่แล้ว ประหยัดเวลามากๆ ลูกชายทุกวันนี้ตื่นเช้า 7: 45 am ไปโรงเรียน มีเวลานอนอิ่มเต็มที่ ใช้เวลาไปส่งแค่ 5 นาที ก็ถึงโรงเรียน สะดวกมากๆ เลยค่ะ การมีเวลาเพิ่มในแต่ละวัน โดยไม่ต้องเสียเวลาบนท้องถนน มันดีต่อใจเด็กโตบนรถคนนี้มาก


2. Facility สภาพแวดล้อม หรือ Facility ก็เป็นอีกเรื่องสำคัญมากค่ะ ส่วนตัวถึงแม้จะเน้นและแนะนำ Ratings โดยรวมมาเป็นอันดับแรก แต่ถ้าเป็นโรงเรียนที่การเรียนการสอนดีแค่ไหน แต่สภาพโรงเรียนเสื่อมโทรม ไม่มีโรงยิม หรือ สนามเด็กเล่นดีๆ จะขอเลือกปัจจัยสภาพแวดล้อมเสริมเป็นหลักสำคัญด้วย เนื่องจากในวัยเด็ก การเล่นและการเรียนรู้นอกห้องเรียนก็เป็นเรื่องสำคัญมาก คุณพ่อคุณแม่ที่สนใจ สามารถติดต่อเข้าไปทัวร์ดูภายในบริเวณโรงเรียนได้ ไม่จำเป็นว่าลูกเราจะได้เข้าเรียนในโรงเรียนนั้นมั๊ย โรงเรียนโดยทั่วไปจะมีกำหนดวัน School Tour อยู่แล้วในแต่ละเทอมค่ะ (บางคนยังไม่มีลูกก็มีไป School Tour เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อบ้านค่ะ)



3. มาตรการความปลอดภัย โรงเรียนโดยส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากๆ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าอเมริกาดังมากเรื่องโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นจากการใช้ปืน ควรมีกฎต้องแลกบัตรเข้า-ออกบริเวณโรงเรียนในทุกกรณี มีกล้องวงจรปิด มีบริเวณเข้า-ออก โรงเรียนที่จำกัดและรัดกุม มีล็อกอัติโนมัติ คนนอกไม่มีสิทธิ์เข้า ควรจะต้องมีมาตรการและข้อกฎระเบียบที่ทำให้เราสบายใจ ทั้งในแง่การดูแลความปลอดภัยและสุขภาพโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการรับ - ส่งเด็กนักเรียนว่ารัดกุมแค่ไหน โรงเรียนมีพยาบาลประจำโรงเรียนมั้ย พอเข้าเรียนแล้ว ลูกเราเป็นอะไร โรงเรียนมีโทรแจ้งหรือเปล่า หรือถ้ามีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งที่โรงเรียน วิธึการจัดการของคุณครูและครูใหญ่เป็นอย่างไร รวมไปถึงการรับมือกับโควิดด้วย




4. โปรแกรมหลังเลิกเรียน After School Care มีอะไรบ้าง ก็ค่อนข้างสำคัญ ช่วยให้เราได้มีเวลาระหว่างวันมากขึ้น บางบ้านพ่อแม่ทำงานทั้งคู่ หรือเป็นพ่อ-แม่เลี้ยงเดี่ยว การที่สามารถรับลูกได้ในเวลาหลังเลิกงานก็เป็นเรื่องที่จำเป็น หลายๆ โรงเรียนมีโปรแกรมดูแลเด็กให้หลังเลิกเรียน ซึ่งราคาค่อนข้างดี ต้องรีบสมัครกัน เพราะเค้ารับเด็กจำนวนจำกัดและสนนราคาเป็นกันเอง และโรงเรียนจะมีสถานที่เรียนกิจกรรมพิเศษ ที่เค้าผูกสัมพันธ์กับทางโรงเรียน เช่น เทควันโด หรือ ยิมนาสติก เป็นต้น ลองถามโรงเรียนดูได้ว่ามีกิจกรรมหลังเลิกเรียนอะไรบ้าง ช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่ได้เยอะทีเดียวค่ะ


5. จำนวนเด็กนักเรียน ถ้าเป็นไปได้ โดยส่วนตัวไม่ชอบให้มีปริมาณนักเรียนในโรงเรียนเยอะจนเกินไป เพราะเป็นเรื่องธรรมดาว่ายิ่งมากคนยิ่งมากความ ยิ่งเด็กเยอะก็ยิ่งดูแลอย่างทั่วถึงได้ยาก ถ้าปริมาณนักเรียนล้นจนเกินไป คุณครูแบกภาระหนัก ทรัพยากรไม่เพียงพอ โรงเรียนอาจจะมีหลากหลายปัญหาที่ต้องจัดการดูแล ถ้าแม่เลือกได้ ก็อยากให้ไซส์โรงเรียนขนาดกำลังพอดีค่ะ ป.ล. ปัญหาเด็กล้น ส่วนใหญ่จะเป็นในระดับ High School


6. อาจารย์ใหญ่ Leadership หรือ การบริหารและลักษณะของผู้นำนั้นสำคัญมาก ผู้นำเปลี่ยน ชีวิตเปลี่ยน เพราะฉะนั้นศึกษาอ่านประวัติคร่าวๆ ของอาจารย์ใหญ่ และสามารถสมัครอ่าน E-Newsletter ของโรงเรียน และ ติดตามช่องทาง Social Media ของทางโรงเรียนได้ ตามประสบการณ์และความเห็นส่วนตัว คิดว่าอาจารย์ใหญ่ผู้หญิงมีความละเอียดอ่อนมากกว่าในการดูแลเด็ก โดยเฉพาะปัญหาการ Bully หรือ ความรุนแรงในโรงเรียน ผู้ชายจะหละหลวมในการดูแล ไม่ค่อยใส่ใจ และไม่มีความเห็นอกเห็นใจเท่าที่ควร เพราะถือว่าการชกต่อยเป็นเรื่องปกติ "Boys will be boys." อันนี้แม่ไม่โอเคมากๆ ป.ล. ไม่ได้เหมารวมทุกคนนะคะ




7. โรงเรียนใกล้ที่ทำงาน โรงเรียนใกล้ที่ทำงาน หรือ อยู่ทางเดียวกับที่ทำงาน ก็เป็นอีกปัจจัยเสริมในการเลือกโรงเรียนค่ะ เนื่องจากอาจจะรับ - ส่ง ได้สะดวกกว่า ส่งก่อนไปทำงานและรับลูกหลังเลิกงาน ถ้าออฟฟิศที่ทำงานไกลจากบ้าน ในกรณีถ้าโรงเรียนอยู่ในชานเมือง หรือ นอกเมืองหน่อย มักจะมีกรณีที่โรงเรียนดีๆ แต่แถวนั้นเด็กๆ ไม่ได้อาศัยอยู่เยอะ เลยมีโควต้าเหลือสำหรับเด็กนอกโซนก็มีนะคะ ส่วนถ้าอยู่ในเมืองหน่อย ซึ่งความแออัดของประชากรเยอะกว่า จากประสบการณ์ส่วนตัว ถ้าอยากให้ลูกเข้าโรงเรียน Rate A ได้จริงๆ พ่อแม่จะต้องย้ายบ้านมาอยู่ในโซนโรงเรียนเป็นส่วนใหญ่ค่ะ ป.ล. แต่บริเวณในเมืองก็มีปริมาณโรงเรียนให้เลือกเยอะกว่านะคะ เช่น Charter School ต่างๆ เป็นต้น


8. รถโรงเรียน ถ้าโรงเรียนมีบริการรถโรงเรียนก็จะสะดวกมากๆ เลยค่ะ สบายเลย รับ-ส่ง ถึงหน้าบ้าน แต่ถ้าอาศัยอยู่ในตัวเมืองหน่อยจะไ่ม่ค่อยมีรถบัสโรงเรียนบริการ (เพราะน่าจะบ้านใกล้อยู่แล้ว) ช่วงวัย Elementary หรือ Middle School อาจไม่ค่อยมีปัญหา แต่การนั่งรถโรงเรียนในช่วง High School มันมี stigma บางอย่างในสังคมวัยเรียนในอเมริกา ที่มันไม่ค่อยคูล ยิ่งถ้าเป็นเด็ก High School เกรด 10 ถึง 12 ก็มีแต่อยากขับรถ หรือ carpool ไปเองละ หรือถ้าผู้ปกครองไปส่งได้ก็ยังจะดีกว่า ถือเป็นข้อมูลเชิงลึกเล่าสู่กันฟังแล้วกันนะคะ


แน่นอนว่าถ้าอยู่โรงเรียน Rating ดีๆ หรือโรงเรียนที่ใครๆ ก็อยากเข้า หน้าที่รับ - ส่ง จะเป็นของผู้ปกครองเป็นหลักค่ะ แต่ถ้าเราต้องพึ่งพารถโรงเรียนในการรับ - ส่งลูก ก็ควรเช็คก่อนนะคะว่าโรงเรียนเค้ามีบริการให้หรือเปล่า


ข้อดีของ Uniform โรงเรียนรัฐบาล คือราคาไม่แพง ซื้อจากที่ไหนก็ได้ และถ้าวันไหนไม่ใส่ ก็ไม่ได้เป็นการทำผิดกฎโรงเรียนค่ะ

9. Uniform เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้ามียูนิฟอร์มแม่เลิฟมากจ้า ยูนิฟอร์มในโรงเรียนรัฐบาลเป็นเทรนด์ใหม่ เพราะสมัยก่อนโรงเรียนรัฐบาลจะมีแต่ชุดไปรเวท การใส่ Uniform ในโรงเรียนรัฐบาลนั้นไม่ได้เป็นกฎข้อบังคับ โรงเรียนแนะนำให้ใส่ แต่จะใส่ไปรเวทก็ได้นะคะ ที่โรงเรียนลูกชาย ทุกๆ วันศุกร์จะเป็น Casual Friday อยากใส่อะไรก็ตามสบาย ถือว่าเป็น balance กำลังดี แม่ชอบมาก ประหยัดเงิน แถมไม่ต้องคิดเยอะ สะดวกมากๆ เลยค่ะ โดยเฉพาะถ้าเด็กเริ่มโต ไม่ต้องสิ้นเปลืองกับการตามแฟชั่น หรือ โชว์สไตล์การแต่งตัว อยากได้อยากมี ปีๆ นึง ประหยัดเงินได้เยอะเชียวล่ะ




10. ความถนัดและลักษณะนิสัยของเด็ก โรงเรียน Rating A ส่วนใหญ่การแข่งขันจะสูงกว่าโรงเรียนทั่วไป ถ้าลูกเราไม่สนใจหรือไม่ถนัดสายเรียน การให้เค้าเรียนในที่ที่มีการแข่งขันสูงก็อาจจะไม่เป็นผลดีนัก ในขณะเดียวกัน การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแต่คนเก่งๆ ก็อาจจะช่วยผลักดันให้ลูกเราเก่งขึ้นได้ อันนี้ขึ้นอยู่กับธรรมชาติของเด็กแต่ละคนจริงๆ ว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน จะเป็นผลดีหรือผลเสีย เด็กบางคนเรียนเก่ง แต่ไม่ชอบการแข่งขันสูงก็มี หรือเด็กบางคนอาจเรียนไม่เก่ง แต่ชอบสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นให้เค้าได้มีความพยายามมากขึ้น เก่งขึ้นก็ได้ เป็นหน้าที่ของเราที่จะเข้าใจธรรมชาติของลูกและคัดกรองโรงเรียนที่เหมาะสมที่สุดให้กับเค้า


เคยได้ยินผู้ปกครองบ่นว่าลูกเรียนไม่รู้เรื่องแล้วโทษครู และก็เคยได้ยินครูบ่นว่าเด็กบางคนก็เรียนไม่ไหว จะทำไงได้เพราะมีแต่เด็กเก่งๆ เข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย แต่สิ่งที่เราควรเข้าใจที่สุดคือความถนัดและความต้องการของเด็ก บางทีเข้าโรงเรียนที่ไม่ต้องคะแนนสอบสูงมาก ลูกอาจจะมีความสุข สามารถเอ็นจอยวัยเด็กวัยเรียนรู้ตามที่ควรจะเป็น แต่ถ้าลูกเราเรียนเก่ง แต่ไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแต่คนเก่งๆ ไม่ได้รับการกระตุ้นให้เค้าได้เรียนรู้ตามศักยภาพที่เค้ามี ก็เป็นเรื่องน่าเสียดาย ฝากไว้ให้คิดนะคะ


11. ปัญหาการใช้ความรุนแรง ข้อนี้สำคัญมาก ถ้ารู้ว่าโรงเรียนนั้นมีปัญหาการใช้ความรุนแรง หรือมีกรณี Bully เยอะแล้วโรงเรียนไม่จัดการ เป็นปัญหาเรื้อรัง เช่น อ่านรีวิวแล้วมีคนบอก คนบ่น หรือ เป็นที่รู้กันว่าโรงเรียนนี้มีเรื่องกันบ่อย หลีกเลี่ยงได้เป็นอันดีที่สุดค่ะ ส่วนใหญ่มันไม่เชิงเป็นปัญหาด้านการศึกษา หรือเป็นปัญหาของโรงเรียนโดยตรง แต่เป็นปัญหาด้านสังคม อาจจะเป็นโรงเรียนในโซนที่มีเด็กๆที่มาจากบ้านรายได้ต่ำ บ้านมีปัญหาค่อนข้างเยอะ พ่อแม่ไม่ดูแลลูก ลูกมามีปัญหาที่โรงเรียน ถ้าเราเลือกได้ คัดกรองได้ อย่าเอาลูกไปอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นเลย


Note: โรงเรียน Rating ดีๆ ก็มีปัญหาความรุนแรงได้นะคะ เพียงแต่คงไม่เยอะเท่าโรงเรียนที่ Rating ต่ำหน่อย ตามอัตราส่วนของเด็กที่มาจากบ้านที่มีรายได้ต่ำ ส่วนการ Bully ก็ไม่เกี่ยวกับฐานะด้วย ปัญหา Bully ในโรงเรียนเอกชนแสนแพงก็มีไม่ต่างกัน




จริงๆ คงมีรายละเอียดปัจจัยปลีกย่อยมากมายกว่านี้ แต่เกรงว่าจะยาวเกินไป ยังไงถ้าใครมีปัจจัยสำคัญที่ควรคำนึงถึงเพิ่มเติม สามารถคอมเม้นต์เข้ามาทางเว็บไซต์โดยตรง หรือทางหน้าเพจ Facebook ได้นะคะ เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูล แชร์ความคิดเห็น และสามารถ Follow ผู้เขียนจากเพจ Land of the Raising Sons ได้เลยนะคะ เฟสส่วนตัวไม่ค่อยได้แชร์ Public


ถ้าอ่านแล้วชื่นชอบ หรือ บทความนี้มีประโยชน์ สามารถสนับสนุนบล็อกนี้ได้ด้วยการแชร์ หรือช่วยอุดหนุนสินค้าแนะนำกันได้ที่หน้าร้านใน Amazon นะคะ (ไม่ได้ขายของเองโดยตรงนะคะ เป็นการแนะนำสินค้าเฉยๆ) ขอบคุณมากค่า




Hi, I'm Ketsiree Tury. Let's Connect!

Foodie | Blogger | Content Strategist


เคยทำงานด้าน Digital Content Marketing ดูแลการทำเว็บไซต์และโซเชียล ค้นหาข้อมูลเขียนเนื้อหาและบทความบนเว็บไซต์นมผงชื่อดัง ผงซักฟอกยี่ห้อชื่อดัง รวมไปถึงแบรนด์ FMCG อีกหลายแบรนด์ แต่งานที่สำคัญที่สุดคือเป็นมัมมี่ของลูกจ้า


Facebook: Land of the Raising Sons

Instagram: Land of the Raising Sons

Pinterest: Land of the Raising Sons

Store: Land of the Raising Sons


403 views0 comments
bottom of page