- KETSIREE TURY
10 ข้อควรรู้ก่อนย้ายรัฐ
Updated: Mar 30, 2022
สำหรับใครที่กำลังสนใจอยากย้ายเมือง หรือ ย้ายรัฐ เรามี 10 ข้อควรรู้มาฝาก ก่อนตัดสินใจย้ายบ้านค่ะ ส่วนตัวเคยอยู่เมือง Austin รัฐ Texas เมืองเล็กๆ ชื่อ Macomb รัฐ Michigan และตอนนี้อยู่เมือง Orlando รัฐ Florida ค่ะ (เคยอยู่ Ohio ด้วย แล้วก็อีกเมืองใน Michigan แต่ตอนนั้นสมัยเรียน ไม่นับแล้วกัน) เคยมีเพื่อนๆ มาถาม เธอๆ อยากย้ายเมืองบ้าง แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน ย้ายไปแล้วเป็นยังไง เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวในการย้ายเมือง/ ย้ายรัฐ เล่าให้ฟังว่าเราใช้เกณฑ์อะไรตัดสินใจและค้นหาข้อมูลอะไรบ้างก่อนย้ายครอบครัวมาใช้ชีวิตที่รัฐใหม่
การย้ายเมือง ย้ายรัฐ เป็นการตัดสินใจที่ใหญ่มาก เป็นการเปลี่ยนดวงเปลี่ยนชึวิต การหาข้อมูลต่างๆ ประกอบการตัดสินใจแสดงว่าคุณมาถูกทางแล้ว ขอเน้นว่านี่เป็นบทความจากประสบการณ์ส่วนตัวที่มาแชร์เผื่อจะเป็นประโยชน์ สำหรับผู้ที่กำลังสนใจจะย้ายเมืองและต้องการข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ ผู้เขียนย้ายเมืองกันมาทั้งครอบครัว อาจจะมีปัจจัยโดยรวมที่ต้องคำนึงถึงมากกว่าคนโสด นอกจากคำแนะนำหลักที่ว่าเราควรได้งานก่อนที่จะย้ายเมืองแล้ว นี่คือ 10 ข้อควรรู้ก่อนย้ายไปเมืองใหม่ค่า
1. เหตุผลหลักที่จะย้าย

ก่อนจะย้ายเมือง ควรรู้และเข้าใจเหตุผลหลักที่อยากจะย้าย ควรลิสต์เป็นข้อๆ ถึงสิ่งที่เราต้องการในเมืองที่จะย้ายไป เพื่อให้เราวางแผนได้ครอบคลุม ไม่หลุดโผ ส่วนตัวเหตุผลหลักที่อยากย้่ายคือ 1. ภูมิอากาศ และ 2. ไลฟ์สไตล์ที่จำกัดเนื่องมาจากภูมิอากาศ สมัยตอนอยู่ Michigan ส่วนใหญ่อยู่แต่ในบ้าน เพราะอากาศหนาวเป็นส่วนใหญ่ Cabin Fever กลายเป็นสัจธรรมของชีวิต มิชิแกนนี่หนาวยาว 6-8 เดือน รู้สึกว่าชีวิตมันจำกัดและสั้นเกินไปที่จะอยู่แต่ในบ้าน และถึงจะออกไปลุยหนาว ก็ไม่มีที่ที่ชอบให้ไป เพราะฉะนั้นเมืองที่มองหาคือเมืองที่มีภูมิอากาศอุ่นเป็นซะส่วนใหญ่ หรือถ้าหนาวก็หนาวไม่นานมาก เพื่อจะได้สามารถออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านได้ตลอดทั้งปี ก่อนสมัครงานให้สามี เรียกว่าเปิดดูเส้น Latitude กันเลยทีเดียว
ถ้ายังชอบเมืองที่อยู่ปัจจุบัน แต่อยู่ๆ ไปแล้วเบื่อๆ อาจจะลองหากิจกรรมใหม่ๆ ทำ หรือหาเวลาไปเที่ยว เปลี่ยนอารมณ์ ชาร์จพลังดูก่อนนะคะ การย้ายที่อยู่ต้องใช้เงินเยอะ เป็นการเปลี่ยนดวงเปลี่ยนชึวิต แถมใช้เวลาและพลังงานเยอะมากๆ จะย้ายทั้งทีต้องแน่ใจว่าเมืองใหม่จะมีปัจจัยต่างๆ ที่เราต้องการ
2. ตลาดงานและเศรษฐกิจของเมือง

การเข้าใจตลาดงานของเมืองที่เรามองๆ อยู่เป็นเรื่องสำคัญมาก เศรษฐกิจเมืองนั้นเป็นยังไง เมืองนั้นมีธุรกิจสำคัญอะไรบ้างที่เป็นตัวโอบอุ้มเศรษฐกิจ มีโอกาสทางการงานสำหรับตัวเอง และคู่ชีวิตมากแค่ไหน (ซึ่งแต่ละครอบครัวก็ไม่เหมือนกันนะคะ ของบ้านนี้เน้นของสามีเป็นหลัก) ขอยกตัวอย่างเมืองที่ชอบมากแต่ไม่คิดจะไป ส่วนตัวเคยได้ไปเที่ยว Pittsburgh และชอบมากๆ เลย ได้ทั้งน้ำ ทั้งทิวเขา อยู่ใจกลางตัวเมือง แถมสะพานข้ามน้ำก็ทำให้ยิ่งสวย สถาปัตยกรรมบ้านที่อยู่อาศัยก็สวยงาม เพราะเป็นเมืองที่ร่ำรวยมาก่อน ชื่อเล่น คือ The Steel City น่าจะพอเคยได้ยินกันบ้าง แต่ก็ได้แค่ฝันกลางวัน เพราะความเป็นจริง เศรษฐกิจของ Pittsburgh ไม่ค่อยสู้ดีมาหลายสิบปีแล้ว และถึงตอนนี้จะดีขึ้นมาก ก็เรียกว่ายังอยู่แค่ในระดับที่พอใช้ (เทียบกับเมืองอื่นๆ ที่ดูไว้เมื่อปี 2017)
ถ้าแนวโน้มเศรษฐกิจของเมืองไม่ค่อยดี การจะโยกย้ายครอบครัวไปก็มีความเสี่ยงสูงมาก ใครจำช่วง 2007-2009 Great Recession ได้บ้าง น่าจะโดนกระทบกันเยอะพอสมควร ส่วนบ้านนี้โดนเต็มๆ (ดีว่าตอนนั้นยังไม่มีลูก) แต่ในกรณีที่สามารถทำงานจากที่บ้านได้ (Remote Work) หรือตัวเองประกอบอาชีพที่มีคนต้องการจ้างงานตลอด ตลาดงานและเศรษฐกิจของเมืองนั้นๆ ก็เป็นปัจจัยที่ไม่ค่อยน่ากังวลมากนักค่ะ
3. รายได้และปริมาณงานในสายอาชีพ
เนื่องจากเรามีความตั้งใจจะหนีหนาว คุณสามีสายชิว ไม่ยอมสมัครงานซักที เราก็เลยต้องเป็นฝ่ายทำซะเอง ก่อนเริ่มสมัครงานให้คุณสามีก็ค้นหาข้อมูลก่อนเลยว่ารัฐไหนจ่ายเงินเดือนดีบ้าง และมีปริมาณการว่าจ้างที่ดีในสายงานอาชีพของสามี แน่นอนว่างานในเมืองใหม่ควรต้องจ่ายเงินดีหรือเทียบเท่ากับที่เก่า และอัตราการว่าจ้างงานก็ต้องอยู่ในระดับที่โอเค เผื่อทำๆ ไปแล้วไม่ดี จะโยกย้ายหางานใหม่ ก็สามารถทำได้ง่ายค่ะ หรือถ้ารายได้เมืองใหม่ต่ำกว่า ค่าครองชีพก็ต้องถูกกว่าเมืองปัจจุบันพอสมควร จะย้ายทั้งที คุณภาพชีวิตเราต้องดีขึ้น ไม่งั้นก็จะไม่คุ้มค่า คุ้มเวลา พลังงาน และเงินที่จะต้องเสียไป
ตอนหาข้อมูล เรากดค้นหาข้อมูลประมาณนี้ค่ะ
"Your job field/ field of interest + average pay + by state"
พอได้ข้อมูลคร่าวๆ ประมาณนี้ เราก็สามารถมีรัฐหลักๆ ให้พอได้มีจุดเริ่มต้นในการค้นหางานแล้วล่ะค่ะ อาจจะได้เมืองใหม่ๆ เพิ่มในลิสต์ก็เป็นได้ และจะได้ดูด้วยว่าเมืองที่เราอยากไปอยู่เนี่ย รายได้ในสายอาชีพหลักโดยเฉลี่ยของเราเป็นยังไง ส่วนตัวไม่เคยคิดจะย้ายมา Florida เลย แต่ข้อมูลที่ได้จากสถิตินั้นเกินต้านทาน >_< สมัครงานมารัฐฟลอริด้าให้สามีอยู่แค่ที่เดียว แจ๊กพ็อตแตก ปุบปับได้งาน และพอย้ายมาก็ชอบมาก หนีหนาวสมใจ ออกไปเที่ยวเล่นทำกิจกรรมได้ตลอดทั้งปี คุณภาพชีวิตดีขึ้นมากๆ เลยค่ะ
4. ภูมิอากาศ
แต่ละคนชอบอากาศไม่เหมือนกัน คนเรานั้นก็เหมือนกับต้นไม้ ดอกไม้ มากกว่าที่คิด บางคนอาจชอบอากาศร้อน บางคนชอบอากาศหนาว บางคนชอบฝนตก บางคนอย่างผู้เขียนเองก็เรื่องมาก ทั้งขึ้ร้อน ขึ้หนาว >_< สรุปคือภูมิอากาศเป็นตัวแปลที่สำคัญมากในการใช้ชีวิตและอารมณ์ของเราโดยรวม สังเกตุว่าวันไหนอากาศดี อารมณ์ดีขึ้นมาทันที หรือถ้าตอนไปเที่ยว อากาศดี อากาศเป็นใจ ทริปนั้นโดยรวมก็ดีงามไปโดยปริยาย
นอกจากนี้บางคนอาจมีอาการหนักถึงขั้นซึมเศร้าซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงมาจากภูมิอากาศ (weather-related depression) ซึ่งมีจริงๆ นะคะ เพราะฉะนั้นถ้าใครเศร้าๆ ชีวิตรู้สึกดราม่าเวลาฝนตก ฟ้ามึดไม่เป็นใจ การย้ายไปอยู่รัฐ Washington ก็อาจไม่เป็นผลดีเท่าไหร่นัก
“If we were meant to stay in one place, we'd have roots instead of feet.” – Rachel Wolchin.
5. ค่าครองชีพ
นอกจากการดูเศรษฐกิจของเมืองแล้ว สิ่งสำคัญที่ควรศึกษาดูก่อนก็คือค่าครองชีพค่ะ มีตัวช่วยคำนวนค่าครองชีพแบบสะดวกมาก คือนี่เลย Cost of Living Calculator กดๆ ดูค่าครองชีพของเมืองใหม่ที่เราสนใจ เปรียบเทียบกับเมืองปัจจุบัน ตอนนี้เรารายได้เท่านี้ จะไปอยู่เมืองใหม่ ต้องมีรายได้เท่าไหร่เพื่อจะเพียงพอ เทียบเท่ากับความเป็นอยู่ในปัจจุบัน
แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายหลักที่ควรดูก็คือค่าบ้านค่ะ อย่าง San Francisco นี่เมื่อก่อนชอบมาก ยิ่ง San Diego คือเมืองในฝันเลย อากาศดีสุดๆ แต่แต่แต่ ราคาบ้านโหดมากกกกก ค่าครองชีพก็สูง จะเอาคุณภาพชีวิตไปแลกกับอากาศดีๆ ตลอดปี ก็อาจจะยังไม่ใช่ทางเลือกสำหรับบ้านเรา โดยทั่วไปเราน่าจะพอรู้อยู่แล้วว่าเมืองไหนที่ขึ้นชื่อว่าแพง (หลักๆ ก็ New York, San Francisco, LA, Seattle, San Diego ประมาณนี้) แต่จะเอาให้ชัวร์เลยคือการใช้ตัวช่วยคำนวนค่าครองชีพ Cost of Living Calculator มันเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายหลักๆ ให้ดูทั้งหมด เช่น ค่าบ้าน ค่าอาหาร ค่าน้ำค่าไฟ ค่าดูแลสุขภาพ ว่าค่าใช้จ่ายแต่ละตัวมากน้อยกว่ากันกี่เปอร์เซนต์ ช่วยประกอบการตัดสินใจหรือแพลนค่าใช้จ่ายได้ดีมากๆ ค่ะ
6. เงินออม
นอกจากศักยภาพในการหารายได้ที่มากขึ้น หรือเทียบเท่ากับเมืองปัจจุบัน เงินออมก็เป็นอีกปัจจัยนึง ที่จะทำให้การย้ายบ้านเป็นไปได้อย่างราบรื่นค่ะ อย่างน้อยๆ ควรมีเงินเก็บที่เพียงพอให้ครอบคลุม 6-9 เดือน ของรายจ่ายปัจจุบัน ถ้าย้ายเมืองไปแล้วอะไรๆ มันไม่เป็นอย่างที่คิด ก็ยังมีเงินเก็บให้อุ่นใจ มีเวลาหางานใหม่ แก้สถานการณ์กันไปอย่างไม่ลำบาก อีกอย่างการย้ายบ้านก็ใช้เงินเยอะ ถึงบางทีบริษัทจะช่วยออกค่า relocation ยังไงก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่อนข้างสูง การย้ายบ้านถือเป็นการลงทุนอย่างนึง เพื่อรายได้หรือชีวิตที่ดีกว่า ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง เพราะฉะนั้นการมีเงินออมไว้ ยังไงก็ดีกว่าค่ะ
7. ที่พึ่งพิง (Dependency)

ถ้าเมืองที่เราอยู่นั้นมีเพื่อนสนิท หรือ ญาติพี่น้อง ที่เราพึ่งพาอาศัยกัน ช่วยแบ่งเบาภาระเราได้ ก็อาจจะเป็นเหตุผลเพียงพอให้เราอาศัยอยู่ในเมืองนั้นๆ ต่อไป การที่เรามีคนที่ไว้ใจช่วยดูลูก ให้เราพอมีเวลาได้พักผ่อน มีเวลาไปทำอะไรส่วนตัวบ้าง ถือเป็นโชคดีของชีวิตมากๆ ก่อนจะย้ายเมืองก็ต้องคำนึงถึง บุคคลเหล่านี้ หรือแม้แต่สถานที่ หรือ ความสะดวกในเมืองปัจจุบัน ว่าเราพึ่งพาปัจจัยในเมืองที่เราอาศัยอยู่มากแค่ไหน และเมืองใหม่จะมีที่ให้เราไปหาความสบายใจได้รึเปล่า ถึงเรื่องความมั่นคงทางการเงินจะสำคัญ แต่อย่าลืมคำนึงถึงอะไรที่ดีต่อใจด้วยนะคะ แล้วชั่งใจดูว่าอะไรสำคัญกับเราที่สุด
ส่วนตัวไม่ได้มีคนช่วยดูลูก ไม่ได้มีใครให้พึ่งพาได้ขนาดนั้น เพราะฉะนั้นการย้ายจาก Michigan มา Orlando เลยทำได้ค่อนข้างง่ายค่ะ ไม่ต้องมีการปรับตัวอะไร (แต่ถ้าพูดถึงตอนย้ายจากกรุงเทพมาอยู่ที่ Michigan แล้วล่ะก็ โหดสุดๆ ยากสุดๆ ไปเลย T-T )
8. Demographics
นอกจากหลายสิ่งที่กล่าวมา อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนหาข้อมูลดูก็คือ Demographics ของเมือง ดูว่าผู้คนในแต่ละเมืองที่เราสนใจโดยส่วนใหญ่มีเชื้อชาติอะไรบ้าง และทำความเข้าใจในประวัติการอยู่ร่วมกันของคนแตกต่างสัญชาติ ส่วนตัวเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนตอนอยู่ High School ในรัฐ Ohio เป็นคนเอเชี่ยคนเดียวในชั้น เหงามาก แปลกแยกมาก เพราะฉะนั้นส่วนตัวถ้าเลือกเมืองได้ จะเลือกโรงเรียนที่มีหลากหลายเชื้อชาติหน่อย เด็กๆ ที่โตมาจะได้คุ้นชินกับคนที่ดูแตกต่าง ลูกเราเป็นลูกครึ่งจะได้ไม่รู้สึกแปลกแยก คนที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ อาจไม่ค่อยคุ้นชินกับคนเอเชีย อาจดูเราแปลกๆ ไปบ้าง หรือบางทีก็จะเป็นเป้าอัตโนมัติในการโดน bully
อย่างบางเมืองที่มีประวัติ segregation ค่อนข้างชัดเจน หรือ มีการแสดงออกทางการเมืองแบบสุดโต่ง ผู้เขียนเลือกที่จะศึกษาข้อมูลเหล่านี้ก่อน และหากเลี่ยงได้ก็เลี่ยง เพื่อกันปัญหา หรือ ความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าเมืองอื่นๆ อันนี้กูเกิ้ล หรือ ค้นหาข้อมูลอ่านได้ใน Wikipedia
9. Neighborhoods
พอมีเมืองในใจ อันดับแรกควรดูคร่าวๆ ว่าบริเวณไหนในเมืองที่อันตรายและควรหลีกเลี่ยง เว็บไซต์ที่มีประโยชน์มากๆ เวลาค้นหาข้อมูลเหล่านี้ คือ www.city-data.com/ หาข้อมูลไว้ก่อนจะได้สกรีนโซนที่อันตรายออกไป จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปดูบ้านแถวนั้น อีกข้อสำคัญคือ ร้านค้าหรือสถานที่ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเรา ส่วนตัวเป็นสายกิน เพราะฉะนั้นก็จะดูบริเวณที่ใกล้แหล่งอาหารและซุปเปอร์มาร์เกตของเอเชีย (ถ้าใครบ้านอยู่ไกลแหล่งร้านเอเชีย ไปเลือกดูของชำออนไลน์จาก Amazon ที่ลิงค์นี้ ได้นะคะ) อีกอย่างที่ชอบคือบรรยากาศเมืองๆ หน่อย ก็เลยจะเลือกดูที่อยู่บริเวณ Downtown ค่ะ
Family-friendly neighborhoods + Downtown Orlando
ก่อนย้ายเมืองมาก็หาที่พักเป็นคอนโดก่อน เพื่อจะอยู่ระยะสั้น เพราะไม่เคยได้มีโอกาสมา Orlando เลย พอมีข้อมูลประกอบกันหลายๆ ข้อ ก็ทำให้การตัดสินใจง่ายขึ้น แม้จะต้องเลือกที่อยู่จากต่างเมืองก็ตาม ที่แนะนำคือค้นหาดูรูปประกอบเยอะๆ พร้อมดู Google Earth ด้วยว่าหน้างานสภาพแวดล้อมเป็นยังไง รูปอาจทำให้สวยแค่ไหนก็ได้ แต่ภาพจาก Google Earth ไม่โกหกแน่นอน องค์ประกอบสำคัญสำหรับครอบครัวเรา นอกจากอยู่ใกล้ Downtown ก็คือ ต้องใกล้ที่ทำงานสามีค่ะ พออยู่ไปซักพักก็ค่อยๆ ทำความรู้จักบริเวณบ้านที่ตอบโจทย์ ซึ่งเราเลือกบ้าน จากการเลือกโรงเรียนไปในตัวด้วย อ่านดูบทความ การเลือกโรงเรียนให้ลูกในอเมริกา ได้ค่ะ
10. ขนของเก่า vs. ซื้อของใหม่
การย้ายบ้านจะใช้เงินมากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าเราย้ายของมาเยอะแค่ไหนด้วย ต้องกะเกณฑ์และชั่งใจดูดีๆ ระหว่างค่าขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ข้าวของเครื่องใช้ที่มี กับค่าใช้จ่ายในการซื้อของใหม่ ค่าขนของราคาสูงและของเก่าก็อาจไม่เข้าที่เข้าทางกับบ้านใหม่ ส่วนถ้าซื้อของใหม่ก็อาจใช้เวลานานกว่าจะได้ของที่ถูกใจ ย้ายบ้านยังไงก็ใช้เงินเยอะทั้งขึ้นทั้งล่อง
ย้ายของมาเยอะเกิน ค่าขนของก็แพง เอามาน้อยก็ต้องใช้เงินซื้อของเข้าบ้านใหม่เยอะ ส่วนตัวงบประมาณไม่ได้เยอะ จะซื้อเฟอร์นิเจอร์มือสองถ้าเป็นไปได้ (ยกเว้นโซฟาและเตียง) แต่ปัญหาหน้างานคือเมืองที่ย้ายมา เฟอร์นิเจอร์มือสองราคาสูง ไม่ได้ต่างกับการซื้อของใหม่เลย ดีที่ย้ายเฟอร์นิเจอร์มาเยอะพอสมควร ก็เลยได้ประหยัดไปค่อนข้างเยอะค่ะ แต่กรณีถ้าต้องย้ายข้ามน้ำ ข้ามทะเล หรือห่างไกลกันมากๆ อันนั้นอาจไม่คุ้มค่าขนส่ง ขายของเก่า มาทบทุนซื้อของใหม่น่าจะประหยัดกว่า ที่แนะนำควรย้ายมาด้วยคือข้าวของเล็กๆ ตะกร้า กล่องจัดของ ของใช้ในครัว ของตกแต่งที่น้ำหนักเบา แพ็คเอามาด้วยได้ง่ายๆ แต่ถ้างบประมาณไม่ใช่ปัญหา หรือ ข้าวของเครื่องใช้มีน้อย ประเด็นนี้ก็ไม่ต้องคำนึงถึงค่ะ

10 ข้อนี้ คือสิ่งที่ผู้เขียนได้คำนึงถึงและค้นหาศึกษาข้อมูลเป็นการส่วนตัวมาก่อนย้ายเมืองนะคะ อย่างไรก็ดีสิ่งที่สำคัญสำหรับแต่ละคน แต่ละครอบครัว ก็ไม่เหมือนกัน บางข้อจำเป็นมากๆ บางข้ออาจปล่อยผ่านได้ หรืออาจจะมีบางข้อที่ผู้เขียนอาจไม่ได้ให้ความสำคัญเป็นท็อป 10 อย่างบางคนอาจจะเลือกว่าเมืองใหม่จะต้องมีระบบขนส่งสาธารณะ หรืออยากหาเมืองที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยระดับท็อป ลองลิสต์ออกมาดูว่าปัจจัยอะไรสำคัญที่สุด และ มุ่งหน้าหางาน เก็บเงิน เพื่อให้การย้ายเมืองเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีมีคุณภาพ และเป็นอนาคตใหม่ที่ดีกว่าสำหรับคุณนะคะ ถ้าย้ายไปเมืองไหน อย่าลืมมา บอกกันด้วยน้า
หวังว่าบทความ 10 ข้อควรรู้ก่อนย้ายไปเมืองใหม่ นี้ จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย ถ้าอ่านแล้วชื่นชอบ หรือ มีประโยชน์ สามารถสนับสนุนบล็อกนี้ได้ด้วยการไลค์ แชร์ หรือช่วยอุดหนุนสินค้าแนะนำกันได้ที่หน้าร้านใน Amazon นะคะ ส่วนที่ไทย สามารถเข้าไปดูสินค้าคร่าวๆ ได้ใน IG: HugsandKids ขอบคุณมากค่า
Hi, I'm Ketsiree Tury. Let's Connect!

Foodie | Blogger | Content Strategist
เคยทำงานด้าน Digital Content Marketing ดูแลการทำเว็บไซต์และโซเชียล ค้นหาข้อมูลเขียนเนื้อหาและบทความให้แบรนด์นมผงชื่อดัง ผงซักฟอกชื่อดัง รวมไปถึงแบรนด์ FMCG อีกหลากหลายแบรนด์ แต่หน้าที่ที่สำคัญที่สุดคือการเป็นแม่ของลูกจ้า
Facebook: Land of the Raising Sons
Instagram: Land of the Raising Sons
Pinterest: Land of the Raising Sons
Store: Land of the Raising Sons